Format: PS3, X360
Genre: RPG
Developer: Square Enix
Publisher: Square Enix
Distributor: N/A
Release : JP 17 December 2009, EN 9 March 2010
Review : Final Fantasy XIII [PS3]
By: Kyle + Kanann + BoN (Gcon)
By: Kyle + Kanann + BoN (Gcon)

สำหรับเกม Final Fantasy ภาคนี้ ถือเป็นภาคหลักลำดับที่ 13 ในซีรียส์ และถือเป็น โปรเจค แรก ใน ชื่อโปรเจคอันสวยหรู Fabula Nova Crystallis ธีมของเกม จึงมุ่งเน้นไปที่ เรื่องราวของคริสตัล สอดแทรกเข้ามาในเนื้อเรื่อง ผสมผสานกับแฟนตาซี กึ่งๆ Sci-fi ประกอบกับกราฟฟิค อันสวยหรู สำหรับเกมนี้ นั้น เป็นเกมแรกสุด ของ Square Enix บนเครื่อง PlayStation 3 และถือเป็น Final Fantasy ภาคแรก บนเครื่องระดับ Next Gen.
กราฟฟิคของเกมทำออกมาได้สวยงามในระดับที่สูงมากของเกมทางฝั่งญี่ปุ่นทั้งหมด เรียกได้ว่า ตอนนี้เป็น J-RPG ที่สวยที่สุดในโลก โดยเฉพาะเรื่องโมชั่น ของตัวละครที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีมาก การเคลื่อนไหวสุดยอดเกินคำบรรยาย Cg มูฟวี่ คุณภาพสูง + กับคัทซีน หลากหลาย ทำมาออกค่อนข้างตื่นเต้น และมีจำนวนค่อนข้างมาก แสดงถึงความอลังการในการสร้าง ถึงแม้กราฟฟิคโดยรวมโดยเฉพาะเทกเจอร์ของฉากที่แปะๆมาจะทำมาไม่ค่อยดีนัก แต่องค์ประกอบศิลป์ต่างๆ ทำออกมาได้สวยงาม มีการเล่นแสงและเงากับฉากต่างๆ ได้อย่างกลมกลืน กลบส่วนเสียซะจนแทบมองไม่เห็น โมเดลตัวละครออกมาแบบมาได้สวยงาม โดยเฉพาะ รูปหน้าของตัวละคร เรียกได้ว่าแทบจะแยกกันไม่ออกระหว่าง CG prerender กับเรียลไทม์คัทซีนด้วยซ้ำ ที่แย่หน่อยก็จะเป็นส่วนมือของตัวละคร เหลี่ยมมาก ...

เพลงประกอบ ฉากต่อสู้ พอใช้ได้ ค่อนข้างเหมาะกับ ธีมของเกม เพลงประกอบฉากแมปและดันเจี้ยน หลายๆเพลง มีเสียงร้องประกอบ เบาๆ ซึ่งบางเพลงก็ ฟังลื่นหูดี แต่บางเพลง ที่ฟังแล้วชวนหลับ และน่าเบื่อ ไม่เร้าอารมณ์ในการผจญภัยซักเท่าไหร่ ที่เสียดายที่สุดก็คือ เพลงแฟนแฟร์ที่ใช้ประกอบ ตอนชนะการต่อสู้ ได้ถูกตัดทิ้งไปกลายเป็นเพลง อะไรก็ไม่รู้แทน T_T

สำหรับระบบต่อสู้ในภาคนี้ ได้ถูกออกแบบโดย โมโตมุ โทริยามะ ซึ่งมีผลงานกำกับ เก่าอย่าง FF10 , FF10-2 , FF12RW . . . . โดยได้นำระบบ ATB ซึ่งเป็นระบบหลักๆของ FF ในยุคหลังๆที่ผ่านมา มาทำการประยุกต์เป็นแบบใหม่ โดยมีลักษณะแบ่งเกจ ATB ออกเป็นช่องๆ ด้วยกัน ดังนั้นระบบต่อสู้ในภาคนี้ จะขึ้นอยู่กับเวลาเป็นหลัก เนื่องจากไม่มี ระบบ MP ทุกอย่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี ท่าพิเศษ เวทย์ต่างๆทุกชนิด จะถูกออกแบบมาให้ใช้กับเกจ ATB แบบใหม่ ที่ใช้เรื่องเวลาเป็นหลัก ดังนั้น วิธีการเล่น จึงไม่เหมือนกับภาคก่อนๆที่กดวงกลม รัวๆก็ ชนะศัตรูได้
ระบบ Optima Change หรือระบบ เปลี่ยน A.I. ไปมาให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งเป็น ระบบที่ออกแบบมาให้ใช้กับ ATB แบบใหม่ได้อย่างลงตัว ถ้าจะเปรียบเทียบกับภาคเก่าๆ ก็จะใกล้เคียงกับความถนัดในสายอาชีพของตัวละคร แต่ละตัว ซึ่ง ตัวละครแต่ละตัวก็จะมีสกิลที่แตกต่างกัน โดยระบบการพัฒนาตัวละครในภาคนี้จะไม่ได้ใช้ค่า exp แต่จะใช้ค่า Crystalium Point (คริสตาเลี่ยม พอยต์) แทน ซึ่งก็ไม่รู้จะเปลี่ยนชื่อให้เข้าใจยากทำไม เพราะมันจะใกล้เคียงกับค่าของ exp มาก โดย เป็นการสะสม cp เพื่อไป เรียน สกิล จากสายความถนัดของ Optima แต่ละตัวละคร ซึ่ง จะส่งผลให้ตัวละครแต่ละตัวมีสกิลที่แตกต่างกัน และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ระบบตรงส่วนนี้ ทำออกมาได้ดีมาก โดยเมื่อจับทุกอย่างมารวมเข้าด้วยกัน ระบบต่อสู้ของภาคนี้จึงสามารถ สร้างความสนุกแบบสุดยอด ประกอบกับ ATB ความเร็วสูงที่สามารถสร้างความตื่นเต้น พลิกแพลงได้ หลากหลาย มนต์อสูร ที่ สามารถนำมาใช้ ได้อย่างมีประโยชน์กว่าภาคก่อนๆ รวมไปถึง สกิลไร้ประโยชน์ ต่างๆทั้งหลายแหล่ ได้ถูกตัดทิ้งไป เหลือแต่เฉพาะสกิลที่มีประโยชน์จริงๆ เท่านั้น
การโหลดทำได้รวดเร็วแม้ไม่ได้อินสทอล ระหว่างการตัดฉากต่อสู้กับตอนสู้ โหลดค่อนข้างเร็วมาก จนแทบไม่รู้สึกว่าโหลด ทำให้ดูต่อเนื่องมากระหว่างฉากแผนที่ และฉากต่อสู้ เอฟเฟคในฉากต่อสู้ สวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นเวทย์ หรือ สกิลต่างๆ ที่ทำออกมาได้อลังการ งานสร้าง เฟรมเรต ไม่มีตกให้เห็น เลยในฉากต่อสู้ ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถทำได้ขนาดนี้ ตรงส่วนนี้บอกได้เลยครับว่า สุดยอดมากๆ


สำหรับเนื้อเรื่องของเกม ปูทางมาได้ค่อนข้างดี มีความสัมพันธ์และที่มาที่ไป ของแต่ละตัวละครอย่างลึกซึ้ง มี log รายละเอียดต่างๆให้อ่าน จุดเสีย ร้ายแรง คือ ช่วงแรก - ท้าย เกม ค่อนข้างจะดำเนินเนื้อเรื่องเป็นเส้นตรง ซึ่ง chapter กลางๆ ค่อนข้างออกไปทางน่าเบื่อซะมากกว่า ดันเจี้ยนยาว แต่ไม่มีอะไรให้สำรวจ เดินเป็นเส้นตรงตลอด หนีไปไหนก็ไม่ได้ การต่อสู้ 1 ครั้ง Hp จะถูกฟื้นขึ้นมาจนเต็ม เงินก็ไม่ได้ ต้องเอาของไปขายอย่างเดียว ไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนเล่น RPG อยู่ เหมือนเกมแอคชั่นลุยด่าน ที่ตอนต่อสู้ มีระบบของ RPG ซะมากกว่า ที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่สามารถสำรวจรอบโลกได้อีกต่อไป

ตอนท้ายของเกม จะเหลือสถานที่ที่ไปได้ไม่กี่ที่ การเดินทางเพื่อค้นหาความลับ จึงไม่มีอีกต่อไป เหลือแต่มิสชั่น ซึ่งออกไปแนวไร้สาระซะมากกว่า เดินตรงแหน่วซ้ำไปซ้ำมา ปราบ บอส แล้วก็จบ ... มอนสเตอร์ออกแบบมาค่อนข้างน้อย ทั้งเกมมีอยู่ไม่กี่ตัว ที่เหลือก็จะเป็นหน้าตาเดิมๆเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสี เรือเหาะ ก็ไม่มี เล่นมาทั้งเกม เจออยู่ 2 เมือง NPC ให้คุยก็ไม่มี ร้านขายของไปอยู่ในจุดเซฟทั้งหมด ระบบพัฒนาอาวุธซึ่งดูเหมือนไม่ค่อยมีประโยชน์ เพราะของที่ใช้เพิ่มเลเวลอาวุธค่อนข้างหายาก และ แพงมาก เงินหาก็หายาก ตอนท้ายของเกม ไม่มีเมืองให้สำรวจเลย แม้แต่เมืองเดียว ฉากจบ ก็ไม่ค่อยน่าประทับเท่าที่ควร หลายๆอย่างดูขาดๆหายๆไป ไม่เหมือนภาคก่อนๆ ถือว่าเป็น Final Fantasy ภาคแรกที่โลกค่อนข้างแคบมาก แทบจะไปไหนไม่ได้เลย เมื่อลองมาพิจารณา ถึงระยะเวลา 3 ปี ที่ใช้พัฒนาไปแล้ว น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ... ดันไปใส่รายละเอียดในส่วน CG / คัทซีน ซะเกือบหมด จน ขาดความเป็น RPG ที่ควรจะเป็นไป
สำหรับภาคนี้ ถือว่า ยังไม่ถึงขั้นแย่ซะทีเดียว เนื่องจากได้ระบบต่อสู้ ที่สนุกสนาน ช่วย เอาไว้ ประกอบกับเนื้อเรื่องอันยิ่งใหญ่ อลังการ และภาพสวยงามมากสำหรับ เกม RPG ก็ยังถือว่า ทดแทนกันได้ ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็สามารถเล่นสนุกไปกับเกมนี้ได้

เนื้อเรื่อง 8/10 วางแผนมาดี มาตายเอาตอนใกล้ๆจบ ดูเผาๆยังไงๆไม่รู้ ...
เพลง 6/10 เพลงหลายเพลง ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าเบื่อ และไม่ติดหู บางดันเจี้ยน ยังคิดอยู่ว่า นี่มันเพลง ใน Final Fantasy แน่เหรอ แย่ที่สุดคือเพลงแฟนแฟร์ หายไปไหน . . .T__T
ระบบ 9/10 ถือว่ามาถูกทางแล้ว สำหรับ Final Fantasy ในยุคปัจจุบัน ที่ เอาของเก่ามาผสมผสาน กับของใหม่ ให้ดูรวดเร็ว ไม่อืดๆเหมือนแต่ก่อน
กำกับอีเวนต์ 7/10 ตัวละครบางตัว ออกมาแป๊บเดียว ก็หมดบทซะแล้ว การแจกบทตัวละครเน้นไปที่ 6 ตัวละครหลัก ซะมากกว่า ตัวละครอื่นๆ แทบจะเรียกได้ว่า ตัวประกอบสุดๆ อีเวนท์คัทซีนที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี บางฉากลึกซึ้งกินใจ แต่โดยรวมๆแล้วยังขาดการเก็บรายละเอียดที่ควรจะมีมากกว่านี้
กำกับศิลป์ 9/10 ด้านการกำกับศิลป์ ถือว่า ทำออกมาได้สวยงาม การออกแบบ ฉากต่างๆ ทำออกมาได้สวยงาม มอนสเตอร์ ทำได้ออกมาได้ ดี เก็บรายละเอียดได้ดี แต่จำนวนชนิดนั้น ค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ
ความเป็น RPG 3/10 แทบจะไม่เหลือความเป็น RPG อยู่อีกแล้ว กับดันเจี้ยนที่ตรงแหน่ว ไร้ซึ้ง ความลับที่น่าค้นหาเหมือนภาคก่อนๆ
รวม 7/10
-------------------------------------------------------------------------------
Kanann
กราฟฟิคสวยงามในระดับสูงของเกมทางฝั่งญี่ปุ่น เรื่องแบนๆแล้วเท็กเจอร์แปะยอมให้ เพราะทำแล้วออกมาสวยงาม
เพลงประกอบธรรมดา เพลงสู้ไม่ติดหูและไม่เร้าอารมณ์เลย น่าเสียดายที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้
ระบบต่อสู้สุดยอดมาก ไม่ได้เน้นกดวงกลมเป็นหลักแล้ว มาถูกทางอย่างมหาศาลเหลือคณานับ
แต่ขอติเรื่องระบบการหมุมฉาก หมุนไม่ได้ดังใจเท่าใดนัก หมุนหน่วงๆ
อีกข้อหนึ่งที่เป็นข้อด้อยมากคือ เกมดำเนินเป็นเส้นตรง น่าเบื่อพอสมควร เดินสู้ศัตรูธรรมดา
เปิดหีบ สู้บอส เดินต่อ สู้ เปิดหีบ เดิน ตลอดยี่สิบสามสิบชั่วโมงอันยาวนานที่ทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาเยอะ
กว่าจะได้ไปเจอของกว้างๆบ้าง ซึ่งโชคดีที่ระบบต่างๆถูกคิดขึ้นมาเหมาะสม
รวมใหม่และเก่าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวและสนุกสนาน ทำให้พอเล่นไปได้เรื่อยๆ

ไม่ได้คาดหวังสูงอะไร แต่ก็ออกมาธรรมดากว่าที่คิดไว้
โดยเฉพาะเพลงประกอบ
เกมนี้โชคดีมากที่ได้ระบบสู้ ระบบพัฒนาตัวละคร
และเนื้อเรื่องอลังการน่าประทับใจช่วยคะแนนเอาไว้ได้
ชอบคนพากย์วานิลลาเป็นพิเศษ
8/10
-------------------------------------------------------------------------------
BoN
กำเงินไปซื้อวินนิ่งดีกว่าครับ เอ๊ย...ไม่ใช่... นี่มันหน้าข่าวนี่หว่า... ไม่ได้ๆ ต้องเอาการเอางานจริงๆ ละ
พูดถึงโมโตมุ โทริยามะ ผู้กำกับ Final Fantasy XIII ซึ่งเคยมีผลงานการกับ Final Fantasy X ที่เรียกน้ำตาจากคนดูมานักต่อนักแล้ว แฟนๆ มากมายคงคาดหวังที่จะได้เห็นการกำกับอีเวนต์ที่ยอดเยี่ยม การเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง บทดราม่าที่แสนลึกซึ้งกินใจ จุดเด่นทั้งหมดของเขายังคงถูกนำมาสานต่อในภาคนี้ เกมเมอร์ที่เล่นเกมแบบเสพความสุนทรีย์ของเนื้อเรื่องสามารถเริงรมย์ไปกับดรา ม่าของเฮียแก โดยเฉพาะตัวละครทั้ง 6 นั้นล้วนมีภูมิหลังที่ลึกซึ้ง มีที่มาที่ไป เป็นมนุษย์แบบที่เป็นมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่ฮีโร่จ๋าจนหลุดโลก ในทีแรกพวกเขาทั้งหมดยินดีที่จะนำหายนะมาสู่โลกใบนี้หากว่าการกระทำแบบนั้น สามารถช่วยคนที่เป็นที่รักของพวกเขาได้ แรงขับดันทางอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไปนั้นได้ช่วยกันบรรเลงเนื้อเรื่องออกมา ด้วยวิธีที่เลิศหรู เป็นอีกหนึ่งเกมที่ควรค่าแก่การอ่านบทสนทนาทั้งหมดให้ครบโดยไม่มีการกดข้าม ครับ

ถัดมาที่ต้องพูดถึงก็คือระบบของเกม ซึ่งไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนเอาระบบของเกมเก่าๆ ที่เฮียโมโตมุเคยทำไว้มาต่อยอดแทบทั้งสิ้น ระบบพัฒนาตัวละครแบบคริสตัลนั้นพัฒนามาจากระบบเดินสเฟียร์ของภาค X.... แต่ดูท่าจะเป็นการพัฒนาถอยหลังซะมากกว่า เพราะเส้นทางการเดินคริสตัลนั้นเป็นเส้นตรงตายตัว ผู้เล่นไม่มีอิสระที่จะพลิกแพลงอะไรได้ ผิดกับสเฟียร์บอร์ดที่ยังพลิกแพลงได้บ้าง ส่วนระบบเชนเบรค ซึ่งเป็นการโจมตีต่อเนื่องอย่างรุนแรงก็เหมือนเอาระบบเชนในภาค X-2 มาพัฒนาต่อยอด
การต่อสู้ในภาคนี้เน้นการเปลี่ยน Optima หรือระบบ A.I. ไปมาให้เข้ากับสถานการณ์ ดูแล้วก็เหมือนกับภาค X-2 ที่เวลาสู้กับบอสยากๆ เราต้องเปลี่ยนเดรสสเฟียร์ไปมาในระหว่างการต่อสู้ เรียกได้ว่าเอาคอนเซปต์เก่ามารียูสกันจะๆ แต่ที่ต้องชมคือความไหลลื่นของการต่อสู้ ภาค XII ว่าสู้กันเร็วแล้ว ภาคนี้ยังพัฒนาสปีดในการต่อสู้ขึ้นไปอีก ส่วนบาลานซ์ของเกมก็ทำได้ดีขึ้น เดิมทีแล้วไฟนอลถูกจัดอยู่ในเกมประเภทง่าย แต่พอมาถึงภาค XI ก็กลับเข้าสู่ระบบยากนรกแตกแบบภาค I พอมาภาค XII ก็กำลังสมดุลดี ส่วนภาคนี้ตัวเกมออกแบบมาให้เราต้องใช้เวทบัฟและดีบัฟทั้งหมดที่มี เวลาเล่นแล้วต้องคิดอยู่เสมอว่าจะเอาชนะบอสตัวนี้ได้อย่างไร และคำตอบก็หนีไม่พ้นการทุ่มทุกอย่างที่มี ถือว่าทำบาลานซ์มาดีครับ
ส่วนการดำเนินเรื่องนั้นก็ตรงดิ่งยิ่งกว่าไม้บรรทัด ไร้ซึ่งความตื่นเต้นและอิสระในการเลือก ฉากต่างๆ ถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นวิ่งกันเป็นเส้นตรง ไม่มีทางแยก ไม่มีความซับซ้อนใดๆ เห็นแล้วรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก ช่วงท้ายเกมเรายังไม่สามารถกลับไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เคยไปมาได้ ความสนุกจากการท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ รอบโลกเพื่อค้นหาความลับ เพื่อค้นหาสมบัติ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏในภาคนี้เลยแม้แต่น้อย นับเป็นภาคที่มีเนื้อหาของเกมน้อยมากๆ


ด้านการกำกับศิลป์นั้นทำออกมาได้เยี่ยม การจัดแสงสีต่างๆ องค์ประกอบของฉากแลดูสวยงาม พอได้เห็นทุ่งหญ้าสีเขียวของซันเรส แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องปะทะ เหล่านกน้อยที่โบยบินไปมา และก้อนเมฆที่คล้อยอยู่กลางอากาศแล้ว ก็รู้สึกน่าอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะชายหาดยามเย็นของเมืองโบดัม และหมู่บ้านโอลบาอีก ต้องบอกว่างามแหละครับ
7/10
ใครศรัทธามากหน่อย หรือใครที่เล่นเกมแบบเน้นเสพดราม่าอย่างจริงจัง คงจะให้ 8 กัน....
หากเล่นเกมนี้แล้วไม่สนุก ผมแนะนำให้ไปหา Winning Eleven 2010 มาเล่นดีกว่าครับ ของเขาดีจริง...
